วิธีเลือกตู้แช่เค้กให้เหมาะกับร้าน สำหรับเจ้าของคาเฟ่และเบเกอรี่มือใหม่
ในยุคที่ผู้คนให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ของอาหารไม่แพ้รสชาติ "ขนมเค้ก" ไม่เพียงเป็นของหวานที่ใครหลายคนชื่นชอบ แต่ยังเป็นหนึ่งในสินค้าที่มีการเลือกซื้อจาก "ความสวยงาม" และ "ความสดใหม่" เป็นหลัก นั่นจึงทำให้ "ตู้แช่เค้ก" กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญของร้านเบเกอรี่และคาเฟ่ เพราะนอกจากจะช่วยถนอมอาหารให้คงคุณภาพได้นานขึ้นแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นโชว์รูมขนาดย่อมที่ดึงดูดลูกค้าให้หยุดมองและตัดสินใจซื้อ
การเลือกตู้แช่เค้กที่เหมาะสมจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของขนาดหรือราคา แต่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชัน การออกแบบ และความเหมาะสมกับลักษณะธุรกิจอย่างลึกซึ้ง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับทุกแง่มุมของการเลือกตู้แช่เค้กอย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ คุ้มค่า และตอบโจทย์การใช้งานจริง
ตู้แช่เค้กแบ่งออกได้หลายประเภท โดยแต่ละแบบมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้
- ตู้แช่เค้กกระจกโค้ง (Curved Glass) มีดีไซน์โดดเด่น หรูหรา ดึงดูดสายตา โดยกระจกทรงโค้งจะลดการสะท้อนแสง ทำให้มองเห็นขนมได้ชัด เหมาะกับร้านที่เน้นโชว์สินค้าเพื่อการขาย
- ตู้แช่เค้กกระจกตรง (Straight Glass) มีดีไซน์เรียบง่าย โมเดิร์น สามารถวางติดผนังหรือในพื้นที่จำกัดได้ดี ให้ภาพลักษณ์แบบมินิมอล เหมาะกับคาเฟ่สมัยใหม่
- ตู้แช่เค้กตั้งโต๊ะ (Countertop) มีขนาดเล็ก สำหรับวางบนโต๊ะหรือเคาน์เตอร์ เหมาะกับร้านขนาดเล็ก พื้นที่จำกัด หรือธุรกิจเริ่มต้น เพราะราคาย่อมเยา และเคลื่อนย้ายสะดวก
- ตู้แช่เค้กแบบเปิดหลัง (Rear Opening) โดยเปิดใช้งานจากด้านหลัง เหมาะสำหรับร้านที่เน้นบริการเร็ว พนักงานสามารถหยิบขนมได้สะดวกจากฝั่งหลังเคาน์เตอร์
2. เลือกให้เหมาะกับปริมาณสินค้า
ก่อนเลือกซื้อ ควรพิจารณาจากคำถามเหล่านี้
- คุณวางแผนโชว์เค้กกี่ชิ้นในแต่ละวัน ?
- พื้นที่หน้าร้านหรือเคาน์เตอร์มีขนาดเท่าไร ?
- ต้องการตู้กี่ชั้น ? (ตู้ทั่วไปมีตั้งแต่ 2 – 4 ชั้น)
- มีแผนจะขยายเมนูในอนาคตหรือไม่ ?
ตู้ที่มีขนาดเล็กอาจดูน่ารักและประหยัดพื้นที่ แต่หากไม่สามารถโชว์สินค้าได้พอ อาจส่งผลเสียต่อยอดขาย การเลือกขนาดที่พอดี และมีพื้นที่สำรองจะช่วยให้ร้านคุณยืดหยุ่นได้มากขึ้น
ขนมเค้กโดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของครีม ผลไม้ หรือชีส ต้องการการเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสม
- ช่วงอุณหภูมิที่แนะนำ: 2°C – 8°C
- อุณหภูมินี้ช่วยรักษาเนื้อสัมผัสของเค้ก ไม่ให้ครีมละลายหรือเค้กแห้งเกินไป
- ควรเลือกตู้ที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิแบบ ดิจิทัล ซึ่งแม่นยำกว่าแบบลูกบิดหมุน
ตู้ที่รักษาอุณหภูมิได้เสถียร จะช่วยให้เค้กของคุณอยู่ในสภาพที่ "พร้อมขาย" ตลอดทั้งวัน ไม่ต้องกังวลว่าครีมจะละลาย หรือหน้าเค้กจะเสียรูป
ตู้แช่เค้กที่ดีควรมีพัดลมกระจายความเย็น (Fan Cooling) หรือระบบ Forced Air Circulation เพื่อให้ความเย็นทั่วถึงทั้งตู้ ข้อดีคือ เค้กทุกชั้นได้รับความเย็นเท่ากัน ช่วยป้องกันเค้กบางชิ้นเสียเร็วเพราะอยู่มุมตู้ ลดไอน้ำเกาะกระจก ช่วยให้โชว์ขนมได้สวยงามตลอดวัน
วัสดุภายนอกและภายในมีผลต่อทั้งรูปลักษณ์และการใช้งานระยะยาว
- ภายในตู้ควรเป็นสแตนเลส หรือวัสดุป้องกันเชื้อรา
- กระจกควรเป็นกระจกนิรภัย (Tempered Glass) ป้องกันอันตรายจากการกระแทก
- กระจก 2 ชั้น หรือ แบบ Low-E ช่วยลดฝ้าและควบคุมความร้อนจากแสงไฟ
นอกจากนี้ควรตรวจสอบว่าชั้นวางสามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้ง่ายหรือไม่
แนะนำให้เลือกตู้ที่มี ไฟ LED แบบอ่อนโยน ติดตั้งตามขอบหรือด้านบน ไม่จ้าเกินไป เพื่อให้ขนมดูน่ากิน และไม่เพิ่มความร้อนภายในตู้ หรือจะเลือกใช้แสงสีขาวนวลหรือแสง daylight เพื่อให้เหมาะกับการโชว์ครีมเค้กหรือเค้กผลไม้
ตู้แช่เค้กทำงานทั้งวัน จึงควรเลือกเครื่องที่ ประหยัดพลังงาน เช่น ได้รับฉลากเบอร์ 5 นอกจากนี้ควรตรวจสอบระดับเสียงร่วมด้วย (ควรไม่เกิน 45 เดซิเบล) โดยเฉพาะหากร้านเงียบหรือเน้นบรรยากาศชิล
ราคาตู้แช่เค้กแตกต่างกันตามขนาด ยี่ห้อ และฟีเจอร์
- ตู้แช่เค้กตั้งโต๊ะ : 7,000 – 15,000 บาท
- ตู้แช่เค้กขนาดกลาง : 20,000 – 35,000 บาท
- ตู้แช่เค้กขนาดใหญ่หรือดีไซน์พิเศษ : 40,000 – 70,000+ บาท
ทั้งนี้อย่าลืมตรวจสอบ ระยะเวลารับประกัน และบริการหลังการขายจากผู้จัดจำหน่าย
การเลือก ตู้แช่เค้ก ที่เหมาะสม ไม่ได้มีเพียงเรื่องความสวยงามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงฟังก์ชันการใช้งาน ความจุ และประสิทธิภาพในการเก็บรักษาเค้กให้สดใหม่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อภาพลักษณ์และยอดขายของร้าน
หากคุณวางแผนที่จะลงทุนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปลอดภัยและมีมาตรฐาน สามารถเข้ามาที่ สุโขทัยธงชัยวิทยุ ศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าจากแบรนด์ชั้นนำ ครบครัน แอร์ ตู้เย็น ซักผ้า มือถือ และไอที มีบริการจัดส่ง ติดตั้ง และบริการหลังการขาย หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ https://www.thongchaivittayu.com/cake-showcace/
FAQ
- ต้องเสียบปลั๊กตู้แช่เค้กตลอดเวลาหรือไม่ ?
ตู้แช่เค้กต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรักษาอุณหภูมิให้คงที่ แนะนำให้ใช้ปลั๊กแยกพร้อมเบรกเกอร์เพื่อความปลอดภัย
- ตู้แช่เค้กใช้แช่เครื่องดื่มหรือของหวานอื่น ๆ ได้ไหม ?
สามารถแช่ได้ หากอุณหภูมิภายในเหมาะสม เช่น ชีสเค้ก พาย หรือขนมเย็นอื่น ๆ สามารถแช่รวมกันได้ แต่หากต้องการแช่เครื่องดื่มแนะนำให้ใช้ตู้แยกจะดีกว่า เพราะอุณหภูมิและชั้นวางออกแบบต่างกัน
- ต้องล้างหรือดูแลตู้แช่เค้กบ่อยแค่ไหน ?
ควรทำความสะอาดภายในตู้และชั้นวาง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยเช็ดคราบขนมหรือครีมที่เลอะทันที ทำความสะอาดคอยล์ระบายความร้อน (ด้านหลัง/ด้านล่าง) ทุก 1–2 เดือน เพื่อลดปัญหาเครื่องร้อนและยืดอายุการใช้งาน