วิธีรับมือกับเครื่องใช้ไฟฟ้าในหน้าร้อน
เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน
ระบบไฟฟ้าในบ้านอาจต้องรับภาระที่เพิ่มมากขึ้น เครื่องปรับอากาศ พัดลม
และอุปกรณ์ทำความเย็นอื่น ๆ มักทำงานเต็มกำลัง ซึ่งอาจสร้างภาระให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าของคุณได้อย่างมาก
สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อบ้านอย่างไร
และคุณสามารถดำเนินการอย่างไรเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างจะทำงานได้อย่างราบรื่น
1. การตรวจสอบและอัพเกรดระบบไฟฟ้า
ก่อนที่ฤดูร้อนจะมาถึง ควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าในบ้านของคุณก่อน ดูว่ามีการสึกกร่อนหรือไม่ เช่น สายไฟชำรุดหรือขั้วต่อหลวมหรือไม่ ควรพิจารณาจ้างช่างไฟฟ้ามืออาชีพมาตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามมาตรฐาน หากบ้านของคุณเก่า อาจจำเป็นต้องอัปเกรดแผงไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการพลังงานสมัยใหม่
แผงควบคุมไฟฟ้าที่อัปเกรดสามารถรองรับวงจรได้มากขึ้นและป้องกันไฟกระชากได้ดีขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งหากคุณมีแผนจะเพิ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่ใช้พลังงานมาก เช่น เครื่องปรับอากาศใหม่
2. การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน
หนึ่งในวิธีการลดภาระของระบบไฟฟ้าคือการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในบ้านของคุณ โดยลงทุนในเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงานที่ใช้พลังงานน้อยลงแต่ยังคงความสะดวกสบายในระดับเดียวกัน อย่าง ไฟ LED ซึ่งเป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดการใช้พลังงาน เนื่องจากหลอดไฟประเภทนี้ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่าหลอดไส้แบบเดิมอย่างมาก
3. การบำรุงรักษาและการตรวจสอบตามปกติ
การบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาระบบไฟฟ้าของคุณให้อยู่ในสภาพดีตลอดฤดูร้อน
ตรวจสอบเบรกเกอร์และเต้ารับไฟฟ้าเป็นประจำเพื่อดูว่ามีสัญญาณของความร้อนสูงเกินไปหรือทำงานผิดปกติหรือไม่
หากคุณสังเกตเห็นว่าเบรกเกอร์สะดุดบ่อยครั้ง
นั่นอาจเป็นสัญญาณของวงจรไฟฟ้าเกินกำลังซึ่งต้องได้รับการแก้ไขทันที
4. ตัดใบไม้รอบ ๆ สายไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อป้องกันอันตราย
ใบไม้ที่ขึ้นปกคลุมสายไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้
รวมถึงความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้หรือไฟดูด ดังนั้นการเตรียมตัวสำหรับฤดูร้อน
ควรตัดต้นไม้ พุ่มไม้ หรือพืชอื่น ๆ ที่อาจรุกล้ำเข้าไปในระบบไฟฟ้าภายนอกบ้าน
การกำจัดพืชออกจากอุปกรณ์ไฟฟ้าจะช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจและลดโอกาสที่อาจเกิดสถานการณ์อันตรายได้
5. พิจารณาการบำรุงรักษาโดยมืออาชีพ
แม้ว่างานบำรุงรักษาด้วยตนเองจะมีความจำเป็น แต่การกำหนดเวลาสำหรับการบำรุงรักษาโดยมืออาชีพก็มีความสำคัญเช่นกัน ช่างเทคนิคระบบไฟฟ้าที่ผ่านการรับรองสามารถทำการตรวจสอบอย่างครอบคลุม โดยระบุปัญหาที่อาจเกิดขึ้นหรือส่วนประกอบที่สึกหรอที่ต้องได้รับการดูแล การบำรุงรักษาโดยมืออาชีพช่วยป้องกันการเสียหายที่ไม่คาดคิด เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสูงสุด และทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นตลอดฤดูร้อน
6. ระวังเครื่องใช้ไฟฟ้าร้อนเกินไป
อากาศร้อนในช่วงฤดูร้อนอาจทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานหนักเกินไป ควรตรวจสอบสายไฟและปลั๊กเป็นประจำเพื่อดูว่ามีร่องรอยการสึกหรอหรือไม่ หากสังเกตเห็นสายไฟชำรุดหรือหลุดรุ่ย ให้เปลี่ยนสายไฟทันที อย่าทิ้งเครื่องใช้ไฟฟ้าไว้โดยไม่มีใครดูแลเป็นเวลานาน และหลีกเลี่ยงการเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสภาพอากาศที่ร้อนจัด
7. หลีกเลี่ยงการเสียบปลั๊กไฟเกิน
ปลั๊กไฟที่จ่ายไฟเกินเป็นสาเหตุหลักของปัญหาไฟฟ้าต่าง ๆ รวมถึงไฟไหม้บ้าน การเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าหนัก ๆ หลายเครื่องเข้ากับปลั๊กเดียวที่มีแรงดันไฟฟ้าไม่เท่ากัน อาจทำให้ปลั๊กไฟเกินได้ การจ่ายไฟเกินอาจทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายและเกิดไฟดูดหรือไฟไหม้ได้ อีกเคล็ดลับคืออย่าใช้สายไฟต่อพ่วงกับเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องอบผ้า
การเตรียมระบบไฟฟ้าในบ้านให้พร้อมรับกับความร้อนของฤดูร้อนนั้นต้องอาศัยการตรวจสอบ การอัพเกรด และมาตรการเชิงรุกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัย การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้บ้านของคุณสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ระบบไฟฟ้ามีอายุการใช้งานยาวนานและปลอดภัยอีกด้วย
หากคุณวางแผนที่จะลงทุนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปลอดภัยและมีมาตรฐาน สามารถเข้ามาที่ สุโขทัยธงชัยวิทยุ ศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าจากแบรนด์ชั้นนำ ครบครัน แอร์ ตู้เย็น ซักผ้า มือถือ และไอที มีบริการจัดส่ง ติดตั้ง และบริการหลังการขาย หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่ https://www.thongchaivittayu.com/
ที่มาข้อมูล : https://atbelectricservices.com/blog/preparing-your-home-s-electrical-system-for-the-summer-heat